วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ชื่อโพสต์10 คำสาปประหลาดที่น่าเหลือเชื่อ


คำสาป คือ คำที่ผู้คนใช้สาปแช่งว่ากล่าวกับผู้อื่น โดยมีกันอยู่หลายวิธี เช่น การจารึก การพูด เป็นต้น แต่บางกรณีอาจรวมไปถึงอยู่ดีๆ ก็โชคร้ายติดต่อกัน ทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุผลกลใด โดยจุดเริ่มต้นคือเราไปลบหลู่สิ่งนั้นๆ เป็นต้น และนี้คือ 10 คำสาปประหลาดที่น่าเหลือเชื่อ....



อันดับ 10. Björketorp Runestone Björketorp Runestone



Björketorp Runestone เป็น หนึ่งในศิลาจารึกอักษรรูน(เป็นอักษรเยอรมันโบราณที่เกี่ยวข้องกับเวทมนต์ พบทั้งยุโรปตั้งแต่แหลมบอล ข่าน เยอรมัน สแกน ดิเนเวีย ไปจนถึงอังกฤษ) ที่ค้นพบที่สวีเดน สร้างในราวศตวรรษที่ 6  มีความสูง 4.2 เมตร เมื่อถอดความจารึกออกมาแล้วจะมีความหมายต่อไปนี้

“I, master of the runes(?) conceal here runes of power. Incessantly (plagued by) maleficence, (doomed to) insidious death (is) he who breaks this (monument). I prophesy destruction / prophecy of destruction.”

“ข้า...นายแห่งรูน ผนึกอำนาจแห่งรูนไว้ ณที่นี้ มันผู้ซึ่งทำลายอนุสรณ์แห่งนี้ จักพบภัยพิบัติจากความชั่วร้าย พิพากษาให้ถึงแก่ความตายอย่างมีเงื่อนงำ...ข้าขอ พยากรณ์ถึงความหายนะ”

 ในตำนานท้องถิ่น อักษรรูนส่วนเกี่ยวข้องในการสาปแช่งอย่างมาก  เป็น อักษรของพวกไวกิ้ง ที่ใช้ในการร่ายคาถา แต่ละตัวมีความสามารถในการสื่อพลังในแง่ต่างๆต่างกันออกไป  พวก ไวกิ้งยังใช้ในการสลักสถานที่สำคัญ เพื่อสาปแช่งผู้ล่วงล้ำเข้ามาอีกด้วย


อันดับ 9. Curse of the Bambino




NY Yankees กับ Boston Redsox เป็นทีม เบสบอลชื่อดังเก่าแก่ในอเมริกา ทั้งสองทีมไม่ถูกกันและเป็นคู่แค้นกันมานาน(ประมาณแมนยูกับลิเวอร์พูล) แต่เมื่อเทียบกับความสำเร็จ Boston Redsox ยิ่งใหญ่กว่า NY Yankees มาก ทั้งด้านผู้เล่น, การเงิน, ผู้ชม และความสำเร็จ เรียกได้ว่าข่มสุดๆ

แต่แล้วคำสาปในชื่อ “คำสาปแบมบิโน่” ก็เกิดขึ้นเมื่อทีม Boston Redsox ทำการขายเด็ก ในทีมชื่อ เบ็บ รูธ (Babe Ruth) ชนิดเรียกว่าหักหลัง แถมขายให้ทีมคู่แค้นอย่าง  NY Yankees ในราคาโครตถูก ทำให้เบ๊บ รูนแค้นมาก เขาเลยสาปแช่งว่า “ขออย่าให้ Red Sox ไม่ได้แชมป์ ตลอดกาล!!!” นับแต่นั้นเป็นต้นมาทีม Boston Red Sox ก็ไม่ได้พบกับความสำเร็จใหญ่ๆ อีกเลย ทั้งๆ ที่เข้าชิงแชมป์หลายครั้ง ก็แพ้กลับไปทุกครั้ง ส่วนทีม NY YanKees นั้นหลังจากได้เบ็บ รูธ ก็ประสบผลสำเร็จเรื่อยมา กวาดแชมป์เป็นว่าเล่น จนกลายเป็นคำสาปที่โด่งดังที่สุดในลีทเบสบอล American League ในที่สุด กว่าที่คำสาปจะคลายลงได้ก็ผ่านไปนานถึง 56 ปีเต็ม จนกระทั้งถึงปี 2004 พวกเขาก็ทำได้สำเร็จได้แชมป์จนได้ แถมทีมที่พวกเขาชนะก็เป็นคู่แค้นเก่านั้นก็คือ NY Yankees  นั้นเอง



อันดับ 8. Curse of Tippecanoe



รู้จักกันดีในชื่อคำสาปวัฏจักรหมายเลข 0 ครับ ซึ่งหมายถึงหากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนไหนได้รับเลือกตั้งในปีที่ลงท้าย ด้วยเลข 0 จะต้องมีอันตายในระหว่างดำรงตำแหน่ง โดยคำสาปนี้มีที่มาจาก สงครามเมื่อปี ค.ศ.1811 ระหว่างเผ่าซอว์นีและคนขาวที่นำโดยวิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน(William Heney Harrison) ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐอินเดียน่า  ที่ออก นโยบายให้คนขาวที่มาบุกรุก แย่งชิง ฆ่าฟันชาวอินเดียแดงแถบนั้น จนเป็นเหตุให้หัวหน้าเผ่าเผ่าชอว์นี ที่ชื่อว่า เทคุมเซ่ (Tecumseh) แค้นมากและได้ทำการสาปแช่ง วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน และประธานาธิปดีสหรัฐฯ จงมีอันเป็นไปทุกคน ตราบนานเท่านาน

จากนั้นคำสาปก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อวิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สันชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิปดีอเมริกาเมื่อปี 1840 แต่หลังจากนั้นเขาก็เสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมในขณะรับตำแหน่งเพียง 1 ปี เท่านั้น

จากนั้นเป็นต้นมาประธานาธิปดีที่ รับตำแหน่งในปีที่ลงท้ายเลข 0 ล้วนมีอันเป็นไปและส่วนใหญ่ล้วนไม่ตายดีทั้งสิ้น ต่อจาก วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน ก็เป็น อัลบราฮัม ลินคอล์น(Abraham Lincoln) รับตำแหน่ง 1860 ถูกลอบสังหารเมื่อปี 1865, เจมส์ เอ. การ์ฟิลด์(James A. Garfield) รับตำแหน่ง 1880 ถูกลอบสังหารเมื่อปี 1881, วิลเลียม แม็กคินลีย์(William McKinley)รับตำแหน่ง 1900 ถูกลอบสังหารเมื่อปี 1901, วอร์เรน จี. ฮาร์ดิงก์ (Warren G. Harding ) รับตำแหน่ง 1920 หัวใจล้มเหลว เมื่อปี 1923, แฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์(Franklin D. Roosevelt) รับตำแหน่ง 1940 เส้นเลือดในสมองแตกตาย เมื่อ ปี 1945 และจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ (John F. Kennedy)ถูกลอบสังหาร เมื่อปี 1963

คำสาปนี้มีผลเรื่อยมายาวนานถึง 120 เวลากว่า 120 ปี จนกระทั้งเสื่อมลง ในสมัยประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ( Ronald Reagan ) ที่ ได้รับการเลือกตั้งมาในปี 1980 ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ถูกลอบยิงในเดือนมีนาคม 1981 ได้รับบาดเจ็บ สาหัส จนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่ในที่สุดเขาก็รอดชีวิตและรอดพ้นคำสาปมาได้



อันดับ 7. Curse Of Superman



Curse Of Superman หมายถึงเคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้นกับ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ซูเปอร์แมน ที่ ส่วนสาเหตุของคำสาปน่าจะมาจากคนแต่งการ์ตูนเรื่องซูเปอร์แมนคือโจ ชัสเตอร์(Joe Shuster) และเจอร์รี่ ซีเกล(Jerry Siegel) ที่สองคนโกรธแค้นไม่พอใจที่สำนักพิมพ์ DC ทำเปรียบพวกเขา เมื่อทำกำไรจากการ์ตูนเรื่องนี้เป็นจำนวนมหาศาล จึงสาปแช่งเอาไว้ว่าใครที่เอาผลงานของเขามาสร้างหนังเป็นอันต้องเคราะห์ร้าย ไม่ว่าจะเป็น ดาราผู้รับบทซุปเปอร์แมน ดาราผู้ร่วมแสดง หรือแม้กระทั่งบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ซุปเปอร์แมน

เริ่มจาก เคิร์ค เอลิน ดาราคนแรกที่รับบทซุปเปอร์แมนในภาพยนตร์ กลายเป็นดาราตกอับไม่มีใครจ้างและเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังในเวลาต่อมา แล้วคนต่อมาที่แสดงเป็นซุปเปอร์แมนคือจอร์จ รีฟส์(George Reeves) เป็นดาราคนต่อมาที่รับบทซูเปอร์แมน ก็เสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอนในบ้าน โดยมีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะ 1 นัด ต่อมาก็ถึงคิวของซุปเปอร์แมน คริสโตเฟอร์ รีฟ (Christopher Reeve) แต่ก็โชคร้ายเขาประสบอุบัติเหตุจากการขี่ม้าในปี ค.ศ.1995 ทำให้ต้องกลายเป็นอัมพาตนับแต่นั้น ตราบจนกระทั่งเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายในปี ค.ศ.2004 ด้วยวัยเพียงแค่ 52 ปี

คำสาปนี้ดำเนินมาจนกระทั่งในปัจจุบัน นักแสดงหลายคนต่างปฏิเสธจะรับบทซูเปอร์แมนมากมาย  อีก ทั้งเคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้นกับบรรดาคนที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ ซุปเปอร์แมนก็ยังคงไม่ ยุติ เพราะมีรายงานว่า ทีมสร้างภาพยนตร์ซูเปอร์แมนเรื่องใหม่ล่าสุด คือซุปเปอร์แมน รีเทิร์นส์ ก็ล้วนเจอเรื่องเจ็บตัวไปตามๆกัน ผู้เคราะห์ร้ายก็มีร็อบ เบอร์เน็ทท์ ผู้อำนวยการสร้าง ซึ่งถูกพวกหัวขโมย รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส, อดัม โรบิเทล ผู้มีหน้าที่ตัดต่อภาพยนตร์ ประสบอุบัติเหตุตกทะลุหน้าต่างและถูกเศษกระจกทิ่มทะลุปอด รวมทั้งได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง และทอดด์ สแตนลีย์ ซึ่งเป็นทั้งผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างและตากล้อง ก็ตกบันไดบาดเจ็บถึงขนาดกะโหลกศีรษะร้าวและนิ้วก้อยฉีก ฯลฯ จน ฃกระทั่งทุกวันนี้ ก็ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่คอยเฝ้าติดตามว่าจะมีเรื่องราวทำนองนี้เกิดขึ้น อีกหรือไม่ในอนาคต ที่สำคัญคือ พวกเขากำลังเฝ้าดูว่า ซุปเปอร์แมนคนใหม่จะสามารถหลุดพ้นจากคำสาปนี้ได้หรือไม่!



อันดับ 6. Curse of the Billy Goat



ขอบคุณ star platinium ที่ช่วยแปลครับ

"คำสาบของเพื่อนมะแม” เป็นคำสาปที่เกิดขึ้นกับอเมริกาชิคาโก คับส์(Chicago Cubs) ซึ่งทีมเบสบอลชื่อดังของอเมริกา มีจุดเริ่มต้นในปี ค.ศ.1945 เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ ชาวกรีกอพยพคนหนึ่ง นามว่า บิลลี่ เซียนิส(Billy Sianis) ได้ซื้อตั๋วในราคา7.20 ดอลลา ส์(คงจะเป็นชั้นที่นั่งดีสมควร) เข้ามาดูเกมส์การแข่งขันเวิลด์ซี่รี่ส์รอบที่4 ระหว่าง ชิคาโก คับส์ กับ ดีทรอยท์ ไทเกอร์ และในตอนนั้นเขาก็นำสัตว์เลี้ยงสุดที่รักของเขา(แพะ)ชื่อว่าเมอร์ฟี่(Murphy) หรืออีกชื่อคือ ซิโนเวีย(Sinovia) ไปดูเกมนั้นด้วยกัน แพะตัวนั้นมีผ้าห่มคลุมประโยคเขียนเอาไว้ว่า"แพะของดีทรอยท์อยู่กับเราแล้ว" เซียนิสกับแพะของเขาก็ได้รับอนุญาติให้เดินลงมาแห่ขบวนในสนามวริกเล่ย์ก่อน การแข่งขันจะเริ่ม แต่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้เชิญเขาออกจากนอกสนาม หลังจากโต้เถียงกันสักพัก ทั้งเซียนิสและแพะของเขาก็ยินยอมที่จะกลับไปนั่งกับที่เหมือนเดิม แต่ทว่าก่อนการแข่งขันจะจบลง เซียนิสกับแพะก็ถูกขับไล่ออกจากสนามกีฬาตามคำสั่งของเจ้าของทีมชิคาโก คับส์ "ฟิลิป ไนท์ วริกเลย์(Philip Knight Wrigley)" ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเหม็นกลิ่นสาบเจ้าแพะตัวนี้ ทำให้เซียนิสโกรธมาก จึงสาปแช่งว่า “ขอให้ทีมชิคาโก คับส์ไม่ชนะอีกต่อไป” และผลของคำสาปก็ประเดิมด้วยการแข่งขันวันนั้นเลย โดยทำให้เกมส์ในรอบนั้น ชิคาโก คับส์ได้พ่ายแพ้ไป หลังจากนั้น เซียนิสก็ได้เขียนจดหมายจากประเทศกรีกถึง วริกเลย์ ว่า "คราวนี้ใครกันล่ะที่เน่าเหม็น?" หลังจากนั้นเป็น ต้นมาทีมชิคาโก คับส์ก็ไม่เคยได้รับความสำเร็จใดๆ เลย และตกต่ำเรื่อยมา จนได้ตกชั้นไปเล่นในดิวิชั่น2 นานติดต่อกันถึง20ปี! และคำสาปได้มาสิ้นสุดในปี ค.ศ.1967 ถัด มาอีกปี ลีโอ ดูโรเชอร์ ก็ได้มาเป็นผู้จัดการของทีมนี้แทน

ปัจจุบันแน่นอนครับพวกชิคาโก คับส์ได้รู้ซึ่งคำสาปนี้เป็นอย่างดี จนมีประเพณีเลยครับว่าเวลาจะแข่งเวิลด์ซี่รี่ส์ จะต้องอนุญาตให้แพะมานั่งดูด้วย(มีที่สำหรับแพะด้วยเฉพาะ) และห้ามด่าแพะไม่งั้นคำสาปจะถามหา


อันดับ 5. James Dean’s Porsche
เนื้อหาจาก http://www.toy2hand.com/article?id=30472⟨=th

                วันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1955 ตอนบ่าย 5:30 เจมส์ ดีนดาราที่โด่งดังในยุคนั้น ได้รับอุบัติเหตุจากการขับรถ Porsche 550 Spyder สีเงินเปิดประทุนคู่ใจของ เขา(คนขับคือช่างยนต์ของเขา 'รอล์ฟ วูเทอริช (Rolf Wutherich) ) ที่ทางหลวงสาย 466 ช่วงเมืองโชเลม แคลิฟอร์เนีย ผลจากอุบัติเหตุเจมส์ ดีน ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ตำรวจจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที เขาทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นใจเมื่อเวลา 17.59 น. ของวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1955 ซึ่งขณะนั้น เจมส์ ดีน มีอายุได้เพียง 24 ปี คำพูดสุดท้ายของเขาคือ “เขาควรจะหยุด....เขามองเห็นเรา”  ส่วนรอล์ฟ วูเทอริชช่างเครื่องบาดเจ็บสาหัสแต่รอดมาได้ แต่เขาก็มาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เช่นกันในปี 1981 ที่ประเทศเยอรมันนี

 และ หลังจากเจมส์ดีนเสียชีวิต รถ Porsche 550 Spyder (ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นรถที่รู้จักกันทั่วโลกว่าเป็นรถของเจมส์ ดีน) ถูกนำนำมาซ่อมใหม่ และขายต่อเป็นทอดๆ และเจ้าของที่ได้รถคนนั้นไปก็ประสบชะตากรรมที่เคราะห์ร้ายต่างๆ นาๆ จนหลายๆ คนเชื่อว่ามันเป็นรถอาถรรพ์ เพราะเจมส์ดีนห่วงรถคนนี้มากๆ

 ราย แรกคือนาย จอร์จ (George Barris) ซึ่งเป็นผู้ปรับแต่งรถแข่งคันนี้ ซื้อซากรถในราคา $ 2,500 หายนะก็เกิดขึ้นเมื่อในขณะที่ตรวจสอบสภาพอยู่นั้น จู่ ๆ ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์อันหนักอึ้งก็หล่นลงมา ทับขาของช่างซ่อมคนนั้น จนกระดูกขาแหลกละเอียดทั้ง 2 ข้าง  ต่อ มาสองนายแพทย์ทรอย แม็คอองรี(Troy McHenry) และวิลเลียม (William Eschid)  ที่ได้ซื้อชิ้นส่วนเครื่องยนต์จากรถมรณะคันนี้ไปใส่ในรถ แข่งของเขา ต่อมาพวก เค้าก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างแข่งขัน สาเหตุเกิดจากการที่รถยนต์ของเขาควบคุมไม่ได้ แล้วมันก็พุ่งเข้าชนรถแข่งคันอื่น ๆ จนเหตุให้แม็คอองรีตาย

 จากนั้นหลังจากโศกนาฎกรรมครั้งนี้ ตำรวจทางหลวง California Highway Patrol ได้ขอยืมซากรถคันนี้เพื่อไปใช้ในการรณรงค์การลดอุบัติเหตุบนทางหลวง ในช่วงปี 1958-1959 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะมีอุปสรรคที่คาดไม่ถึงบ่อยครั้ง เช่น ซากรถได้เลื่อนไถลไปทับเด็กนักเรียนในระหว่างการขนย้ายที่โรงเรียนใน Sacramento และท้ายที่สุดในปี 1960 หลังจากที่ตำรวจทางหลวงแคลิฟอร์เนียส่งซากรถ Little Bastard กลับคืนให้เจ้าของคือ George Barris ที่ลอสแองเจลีส และก็ปล่อยทิ้งเจ้ารถมรณะไว้ไม่มีใครไปยุ่งเกี่ยวอีก จนกระทั้งปี 1960 ซากรถมรณะก็หายไปอย่างลึกลับไ ม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลยจนปัจจุบัน



อันดับ 4. The Kennedy Curse



เนื้อหาจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Kennedy_Curse

ตระกูลเคนนาดี เดิมที่เป็น เชื้อสายไอริชแคธอลิกอพยพมาในสหรัฐ โดยผู้นำครอบครัวคือ โจเซฟ แพทริก เคนเนดี และเมื่อตั้งรากฐานได้ ตระกูลเคนนาดี้ก็สร้างฐานะปึกแผ่นจนเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในอเมริกา ซึ่งภายหลังเขาได้รับแต่งตั้งเป็น คหบดีใหญ่ และเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำอังกฤษ แต่ความร่ำรวยและอำนาจนั้นแลกมาด้วยคำสาป แช่ง….เมื่อบริเวณที่ตั้งรบราก ของครอบครัวเคนเนดี้ นั้นดันไปทับการแหล่งทำมาหากินของพวกอินเดียแดง พวกเขาไม่พอใจกับการกระทำของพวกเคนเนดี้ในครั้งนี้ พวกเขาจึงได้กล่าวคำสาปแช่งที่น่ากลัวต่อตระกูลเคนเนดี...ว่า

"ข้า ขอสาปแช่งตระกูลแก ตระกูลแกจะไม่มีวันสงบสุข ครอบครัวของแกจะต้องตายก่อนอายุขัย แม้แต่ทรัพย์สินและอำนาจของแก ไม่มีวันช่วยพวกแกได้ ตราบชั่วลูก ชั่วหลาน"

นับแต่นั้นเป็นต้นมาคนในตระกูลเคนนาดี้ล้วนประสบเคราะห์ร้ายแทบ ทั้งสิ้น บางคนก็รอดตายอย่างหวุดหวิด บางคนก็มีอันเป็นไปอย่างน่าสยดสยอง ไล่ตั้งแต่ ปีค.ศ.1941 "โรสแมรี่ เคนเนดี้" ลูกสาวคนโตของโจเซฟและโรส เคนเนดี้ ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิต ต้องถูกนำตัวไปพักรักษาในโรงพยาบาลตลอดชีวิต และเพิ่งเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ. 2005 ที่ผ่านมา,  ค.ศ.1944 "โจ เซฟ เคนเนดี้ จูเนียร์" ลูกคนโตของครอบครัว เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 29 ปี ในอุบัติเหตุเครื่องบินในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 , ค.ศ.1948 "แคธลีน เคนเนดี้ คาเวนดิช" ลูกคนที่สี่ของครอบครัว เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในประเทศฝรั่งเศส ขณะมีอายุได้ 28 ปี, ค.ศ.1963 "ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้" ถูกลอบสังหาร(โดนคำสาปซ้อนคำสาปเลยนะท่าน), ค.ศ.1964  "วุฒิสมาชิกเอ็ดเวิร์ด เคนเนดี้" ลูกคนเล็กของครอบครัว รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก, ค.ศ.1968 "วุฒิ สมาชิกโรเบิร์ต เคนเนดี้" ขณะมีอายุได้ 42 ปี, ค.ศ.1969 "วุฒิสมาชิกเอ็ดเวิร์ด เคนเนดี้" รอดชีวิตจากอุบัติเหตุขับรถยนต์ตกสะพานในมลรัฐแมสซาชูเซตส์, ค.ศ.1984 "เดวิด เคนเนดี้" ลูกชายของโรเบิร์ต เคนเนดี้ เสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดในวัย 28 ปี, ค.ศ.1997 "ไมเคิล เคนเนดี้" ลูกชายอีกคนหนึ่งของโรเบิร์ต เคนเนดี้ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุขณะเล่นสกีที่มลรัฐโคโลราโด ขณะมีอายุ 39 ปี, ค.ศ.1999 "จอห์น เคนเนดี้ จูเนียร์" บุตรชายของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ รวมทั้งภรรยาและพี่สะใภ้ ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินส่วนตัวตกที่มลรัฐแมสซาชูเซตส์

และ รายล่าสุดปี 2009 วุฒิสมาชิก เอ็ดเวิร์ด เคนเนดี้ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ทำให้หลายคนเชื่อว่านี้คือคำสาปอินเดียแดง และมันยังคงไม่เสื่อมคลายมนต์แต่อย่างใด และคำสาปนี้ก็ได้โศกนาฏกรรมที่บังเกิดขึ้นกับตระกูลที่ถูกถือให้เป็นราชวงศ์ ทางการเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกาที่แม้จะมีอำนาจและเงินทองก็ไม่ช่วยให้รอด พ้นความตายได้จนถึงทุกวันนี้



อันดับ 3. The Hope Diamond


เพชรโฮป หรือโฮปไดอามอนด์ (Hope Diamond)  เป็นเพชรสีนํ้าเงินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีนํ้าหนักถึง 45.52 กะรัต มีที่มา ต้นกำเนิด จากไหน ไม่มีใครทราบ แต่มัน ปรากฏตัวเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกในปี 1660 (บางเอกสารกล่าวว่าปี 1661) ว่า กันว่า เพชรโฮปมาจากดวงตาของเทวรูปในวัดริมแม่น้ำโคเลอรูน (Coleroon) ในอินเดีย ซึ่งถูกขุดพบในเหมืองคอลเลอร์ (Kollur mine) ในกอลคอนดา (แต่บางตำราก็อ้างว่าเพชรถูกขโมยมาจากพระเนตร บางที่ก็ว่าจากพระนลาฏ) ของเทวรูปนางสีดาซึ่งเป็นชายาของพระวิษณุที่ชาวอินเดียเคารพนับถืออย่างสูง แปลงลงมาจุติ ทำให้เทพเจ้าไม่พอพระทัยและสาปแช่งมนุษย์ผู้ใดก็ตามที่บังอาจครอบครองสมบัติ ชิ้นนี้ต้องโชคร้ายและไม่ได้ตายดี และก็เป็นไปตามคำสาป โดยผู้ที่มีเสียงหลายคนที่ครอบครองเพชรเม็ดนี้ล้วนประสบหายนะทุกครั้งไป ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งทรงซื้อเพชร นี้ทำให้ราชวงศ์ฝรั่งเศสก็ทรงได้รับภัยร้ายกาจจากการปฏิวัติของฝรั่งเศสตลอด กระทั่งนาย เฮนรีย์ ฟิลิป โฮป (เจ้าของชื่อเพชรเม็ดนี้) นายปิแอร์ คาร์เทียร์ (พ่อค้าอัญมณีชื่อดังที่เรารู้จักกันดี) ฯลฯ ล้วนประสบกับอัปมงคล

ผู้ครอบครองเพชรโฮปคนต่อมาคือ เอวาลีน วอลซ์ แมคลีน (Evalyn Walsh Mclean) ไฮโซ สาวที่มักสวมสร้อยคอเพชรโฮป ไปงานราตรี สองเดือนต่อมา ลูกน้อยของเธอก็ตายอย่างลึกลับ สามีกลายเป็นบ้าและต้องหย่าขาดกัน จนในที่สุด เจ้าของที่ซื้อเพชรโฮปคนสุดท้ายได้มอบให้แก่สถาบันสมิธโซเนียน(Smithsonian Institute) ในกรุงวอชิงตัน ดีซี โดยส่งเพชรโฮปให้กับพิพิทธพันธ์ด้วยการใส่ซองส่งไปทางพัสดุไปรษณีย์ธรรมดา โดยจ่ายค่าประกันเป็นเงินเพียง 160 ดอลล่าร์ ซึ่งดูเหมือนว่าคำสาปแช่งจะยุติอยู่เพียงแค่นั้น อย่างไรก็ตามมีจดหมายที่ส่งมาอย่างพิพิธภัณฑ์ฉบับหนึ่งเขียนไว้ว่า “ประเทศชาติกำลังจะแหลกไม่มีชิ้นดียู่แล้ว นับตั้งแต่วันที่เพชรเม็ดนี้มาไว้ที่สถาบันสมิธโซเนียน”



อันดับ 2. The 27 Club



เนื้อหาจาก http://en.wikipedia.org/wiki/27_Club

27 Club เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคำสาปที่น่าอัศจรรย์ คือศิลปินชื่อ เสียงและมีอิทธิพลตที่มี แนวเพลงร๊อค (Rock) และบลูส์ (Blues) ล้วนมีอันเป็นไปในขณะอายุ 27 เสียสิ้นและไม่ได้ตายดีสักคน จนกลายเป็นเหตุการณ์ลึกลับและการถกเถียงการในเกณฑ์การจัดกลุ่มที่เรียกว่า “Club 27” โดยบางคนที่ตายอายุ 27 ก็ไม่ถูกจัดในกลุ่มด้วยเพราะไม่มีชื่อเสียงและไม่ขึ้นอยู่จุดสุดยอด  โดยศิลปินแนวเพลงนี้ที่ตายในขณะที่อายุ 27 ปี ไล่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีดังต่อไปนี้

ไบรฮัน ส์ โจนส์ (Brian Jones) เป็นมือกีต้าร์และสมาชิกผู้ก่อตั้งวงดนตรีที่ชื่อ The Rolling Stones กล่าวกันว่าเขาสามารถเรียนรู้เครื่องดนตรี ทุกประเภทได้ในเวลาน้อยกว่า 30 นาที เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 1969 ในขณะอายุ 27 กับอีก 125 วัน สาเหตุการตายคือจมสระว่ายน้ำในบ้านของเขาเอง

จิมิ เฮนดริกซ์ (Jimi Hendrix) เขาเป็นมือกีต้าร์ชาวอเมริกันและเป็นหนึ่งในมือกีต้าร์ร๊อคที่เยี่ยมที่สุด เท่าที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงของวงดนตรีที่ชื่อ The Jimi Hendrix Experience และ Band of Gypsys  เขาเสียชีวิตในวันที่ 18 กันยายน ปี 1970) ขณะอายุ 27 กับอีก 295 วัน ตายเพราะยานอนหลับและไวน์

เจนิส โจพริน (Janis Joplin) เป็นนักร้อง-นักแต่งเพลงชาวอเมริกันของวง Big Brother and the Holding Company, The Kozmic Blues Band และ Full Tilt Boogie Band - ในปี 2004 นิตยสารโรลลิ่งสโตนส์ (Rolling Stone Magazine) จัดให้เธออยู่ในอันดับที่ 46 จาก 100 อันดับศิลปินที่ดีที่สุดตลอดกาล (100 Greatest Artists of All Time) เธอเสียชีวิตวันที่ 4 ตุลาคม ปี 1970 ในขณะอายุ 27 กับอีก 258 วัน สาเหตุการตายคือเสพยยาเกินขนาด

จิม มอร์ริสัน (Jim Morrison) เขาเป็นนักร้องระดับตำนานและเป็นนักแต่งเพลงของวง The Doors เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่  3 กรกฎาคม ปี 1971ในขณะอายุ 27 กับอีก 207วัน หัวใจล้มเหลวในกรุงปาริส(สันนิษฐานไม่มีการชันสูตร)

เคิร์ต โคเบน (Kurt Cobain) เป็นนักร้อง-นักแต่งเพลง-มือกีต้าร์ของวงกรันจ์ร๊อคระดับตำนานที่ชื่อ Nirvana ซึ่งมีชื่อเสียงและอิทธิพลอย่างมากในช่วงยุค 90 เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ ช 5 เมษายน ปี 1994 ในขณะอายุ 27 กับอีก 44 วัน ฆ่าตัวตายด้วยปืนลูกซอง

นอกจากนี้บางที่ก็มีการรวมศิลปินคนอื่นๆ อีก แต่บางฝ่ายก็ไม่ยอมรับเพราะหลายคนที่ว่านั้นไม่มีชื่อเสียง โดยศิลปินทั่วๆ ไปที่มีบางทีเอามารวมกลุ่ม “27 Club” ที่คุ้นๆ หูก็มี Dave Alexander, Jeremy Michael Ward , Valentín Elizalde, Lily Tembo ฯลฯ



อันดับ 1 The Curse of Tutankhamen



เนื้อหาจาก http://xchange.teenee.com/index.php?showtopic=40101

ไม่กี่เดือนหลังจากการเปิดสุสานตุ ตันคาเมน(Tutankhamen) เปิดเมื่อปี 1922 ผู้ร่วมพิธีเปิดใน วันนั้นเสียชีวิตไป 22 คน ด้วยเหตุการณ์ลึกลับและหาคำอธิบายไม่ได้ทำให้เชื่อกันว่า ความตายเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์คำสาป

วัน ที่ 4 พฤศจิกายน 1922 โฮเวิร์ด คาร์เตอร์(Howard Carter) และลอร์ด คาร์นาวอน(Lord Carnarvon) ชาวอังกฤษค้นพบสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในโลก พวกเขาเป็นสองคนแรกที่เข้าไปในสุสานของตุตันคาเมนในรอบ 3,000 ปี ในห้องที่พวกเขาพบเต็มไปด้วยทองคำและของมีค่ามากมาย ซึ่งเจ้าของของสิ่งมีค่าเหล่านี้คือฟาโรห์หนุ่มที่มีพระนามว่า "ตุตันคาเมน" นั่นเองและเหนือสุสานนี้มีข้อความอักษรอียิปต์โบราณซึ่งแปลได้ว่า "มัจจุราชจะมาสู่ผู้ซึ่งรบกวนการบรรทมของฟาโรห์"

สองเดือนต่อมาลอร์ดคาร์นาร์วอน ก็ตายเพราะถูกยุงกัดทำให้เป็นนิวมอเนีย แต่ที่น่าประหลาดอย่างยิ่งที่มัมมี่ของยุวกษัตริย์ฟาโรห์ก็มีรอยยุงกัดที่ แก้มซ้าย ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่ ลอร์ดคาร์นาร์วอน ถูกยุงกัดเหมือนกัน หลังจากนั้นไม่นานนัก อาร์เธอร์ แมค นักโบราณคดีอเมริกันซึ่งร่วมทีมกันขุดสุสานครั้งนี้ด้วย ได้อุทธรณ์ว่าเขารู้สึกเหนื่อยอ่อน แล้วทันใดนั้นก็เข้าขั้นโคม่าเขาหมดลมก่อนที่หมอจะมาถึง และทางแพทย์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาตายด้วยโรคอะไร ต่อมาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญไอยคุปต์อีกคนหนึ่ง เขาคือ จอร์จ กูล์ด เพื่อนสนิทของคาร์นาร์วอน ซึ่งได้รีบเดินทางมาอียิปต์หลังจากได้ทราบข่าวมรณกรรมของคาร์นาร์วอน กูลด์ ได้เดินทางไปที่สุสานของฟาโรห์ ในวันต่อมาเขาล้มฟุบลงด้วยเป็นไข้ขึ้นสูง อีก 12 ชั่วโมงต่อมาเขาถึงแก่กรรม อาร์ซิบัลด์ เรียด นักรังสีวิทยาที่ฉายเอ็กซ์เรย์มัมมี่พระศพฟาโรห์ได้ถูกส่งตัวกลับอังกฤษ เพราะเกินอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเฉย ๆ แล้วก็ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา, ริชาร์ด เบธเฮลล์ เลขาส่วนตัว คาร์นาร์วอน ในการขุดค้นสุสานครั้งนี้พบว่านอนตายอยู่บนเตียงเนื่องนากหัวใจวาย, โจเอล วูล ซึ่งเป็นแขกเชิญชุดแรกที่ไปดูสุสาน ตายในเวลาถัดมาไม่นานนัก ด้วยไข้ลึกลับที่แพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยได้ ภายในเวลา 6 ปีที่มีการขุดสุสานฟาโรห์ตุตันคาเมน ผู้ที่ได้ร่วมขุดค้นได้ตายไปถึง 12 คน และภายใน 7 ปีมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ร่วม ในการขุดมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือใกล้ชิดผู้ที่ขุดสุสานจำนวน เกือบ 22 คน ได้ถึงแก่กรรมในเวลาไม่สมควร เช่น เลดี้คาร์นาร์วอน อีกคนหนึ่งทีฆ่าตัวตายด้วย เนื่องจากเกิดเป็นบ้าขึ้นมา มีผู้เดียวที่ร่วมเป็นหัวหน้าในการขุดสุสานฟาโรห์ที่โชคดีมีชีวิตอยู่คือ โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ เขาตายตามธรรมชาติ เมื่อปี 1939

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น